โครงงาน
เรื่อง ประหยัดน้ำ
ประหยัดไฟ ภายในโรงเรียน
ประเภทของโครงงาน
โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษาผู้จัดทำโครงงาน นายเทวรัตน์ ฉันทจุลสินธุ์ เลขที่ 2 ม.5/6
นายสุทธิพจน์ ศักดิ์อารีอมร เลขที่ 6 ม.5/6
นายพงศ์ศิริพัฒน์ เกียรติพงศปภา เลขที่ 24 ม.5/6
นางสาวกัญญาพัชร ตะมาแก้ว เลขที่ 25 ม.5/6
นางสาวนันทนัช จันดาปราบ เลขที่ 28 ม.5/6
นายวิชิตวงค์ มงคล เลขที่ 32 ม.5/6
นายอนิรุทธ์ สีตะธนี เลขที่ 33 ม.5/6
ปีการศึกษา 2559
บทคัดย่อ
การจัดทำโครงงานในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่ิอ ให้ผู้ที่สนใจศึกษาเกี่ยวกับวิธีการประหยัดน้ำประหยัดไฟ นำไปประยุกต์ใช้ภายในโรงเรียน โดยสร้างสื่อวีดีทัศน์นำเสนอ โดยใช้โปรแกรม movie maker ในการตัดต่อวีดีทัศน์ และใช้สมาร์ทโฟนในการถ่ายวีดีโอในการถ่ายวีดีโอและการบันทึกเสียง
คณะผู้จัดทำได้ดำเนินงานตามขั้นตอนที่ได้วางแผนไว้ และได้นำเสนอ เผยแพร่ผลงาน โดยการนำเสนอสื่อวีดีทัศน์ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
กิตติกรรมประกาศ
โครงงานฉบับนี้สำเร็จได้ด้วยความกรุณาของคณะผู้บริหารและอาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน โรงเรียนขลุงรัชดาภิเษก ซึ่งได้ให้คำปรึกษา ข้อชี้แนะ และความช่วยเหลือ จนกระทั่งโครงงานสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี คณะขอบพระคุณเป็นอย่างสูงมา ณ ที่นี้
ขอกราบขอบพระคุณ อาจารย์ที่ปรึกษา ที่ให้ความกรุณาในการแก้ไข ข้อบกพร่องต่างๆ ของ โครงงาน และให้ความรู ้ ให้คำแนะนำทั้งให้กำลังใจ
ท้ายสุดนี้คณะผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่า โครงงานนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาและเป็นที่ น่าสนใจสำหรับผู้ที่สนใจต่อๆไป
คณะผู้จัดทำ
นายเทวรัตน์ ฉันทจุลสินธุ์ เลขที่ 2 ม.5/6
นายสุทธิพจน์ ศักดิ์อารีอมร เลขที่ 6 ม.5/6
นายพงศ์ศิริพัฒน์ เกียรติพงศปภา เลขที่ 24 ม.5/6
นางสาวกัญญาพัชร ตะมาแก้ว เลขที่ 25 ม.5/6
นางสาวนันทนัช จันดาปราบ เลขที่ 28 ม.5/6
นายวิชิตวงค์ มงคล เลขที่ 32 ม.5/6
นายอนิรุทธ์ สีตะธนี เลขที่ 33 ม.5/6
นายเทวรัตน์ ฉันทจุลสินธุ์ เลขที่ 2 ม.5/6
นายสุทธิพจน์ ศักดิ์อารีอมร เลขที่ 6 ม.5/6
นายพงศ์ศิริพัฒน์ เกียรติพงศปภา เลขที่ 24 ม.5/6
นางสาวกัญญาพัชร ตะมาแก้ว เลขที่ 25 ม.5/6
นางสาวนันทนัช จันดาปราบ เลขที่ 28 ม.5/6
นายวิชิตวงค์ มงคล เลขที่ 32 ม.5/6
นายอนิรุทธ์ สีตะธนี เลขที่ 33 ม.5/6
บทที่ 1
ที่มาและความสำคัญ
ปัจจุบันนี้คนไทยส่วนใหญ่มีพฤติกรรมการใช้น้ำและไฟกันอย่างสิ้นเปลือง โดยการเปิดน้ำและไฟทิ้งไว้เมื่อไม่จำเป็น และผลที่ตามมาก็คือมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ทำให้สิ้นเปลืองเงินทองและทรัพยากรน้ำโดยไม่จำเป็น และอาจส่งผลให้เกิดภาวะโลกร้อนได้อีกด้วย แต่ถ้าทุกคนช่วยกันประหยัดน้ำประหยัดไฟค่าใช้จ่ายภายในครอบครัวและประเทศ รวมทั้งปัญหาต่างๆก็จะลดลง ดังนั้นทุกๆคนต้องให้ความสนใจกับสิ่งรอบๆตัวของตัวเองแม้ว่าจะเป็นสิ่งที่สำคัญมากหรือน้อยก็ตาม.
วัตถุประสงค์
1.เพื่อให้ผู้อ่านได้นำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน
2.เพื่อช่วยลดรายจ่ายภายในบ้าน
3.เพื่อช่วยลดการเกิดภาวะโลกร้อน
สมมติฐาน
ผู้อ่านได้นำวิธีประหยัดน้ำประหยัดไฟไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้และช่วยลดรายจ่ายภายในบ้าน นอกจากนี้ยังช่วยลดการเกิดภาวะโลกร้อนได้
ขอบเขตของการศึกษา
สิ่งที่ศึกษา : วิธีประหยัดน้ำประหยัดไฟ
สถานที่ : โรงเรียนขลุงรัชดาภิเษก ตำบลวันยาว อำเภอขลุงจังหวัดจันทบุรี
ระยะเวลาที่ใช้ : 1เทอมการศึกษา
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1.ผู้อ่านได้นำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน
2.ช่วยลดรายจ่ายภายในบ้าน
3.ช่วยลดการเกิดภาวะโลกร้อน
บทที่
2
ขั้นตอนและวิธีการดำเนินงาน
ปัจจัยเชิงสาเหตุของพฤติกรรมอนุรักษ์น้ำของครูประถมศึกษา
ในเขตกรุงเทพมหานคร
รายงานการวิจัยฉบับที่
59
ผู้วิจัย
ดุษฏี โยเหลา ประทีป จินงี่
ปีที่พิมพ์ 2539
งานวิจัยเรื่องนี้มีจุดประสงค์
เพื่อศึกษาปริมาณการแสดงพฤติกรรมอนุรักษ์น้ำ
อธิบายและทำนายความตั้งใจจะอนุรักษ์น้ำและพฤติกรรมอนุรักษ์น้ำด้วยตัวแปรจากทฤษฏีการกระทำด้วยเหตุผลและจากงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์ธรรมชาติ
และเสนอโมเดลที่ใช้ในการพัฒนาพฤติกรรมอนุรักษ์น้ำ
ในกลุ่มครูประถมศึกษา
ในเขตกรุงเทพมหานคร
พฤติกรรมที่ศึกษาประกอบด้วย
พฤติกรรมประหยัดน้ำ
ไม่ทำให้เกิดมลพิษในน้ำและขุดลอกท่อระบายน้ำ
กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วยครูจำนวน
1148
คน
ได้มาจากการสุ่มโรงเรียนที่อยู่ในเขตการปกครองชั้นใน
ชั้นกลาง และชั้นนอกของกรุงเทพมหานคร
จำนวน 23
โรงเรียน
การเก็บรวบรวม
ข้อมูลใช้เครื่องมือวัดต่อไปนี้
พฤติกรรมอนุรักษ์น้ำ
ความตั้งใจที่จะอนุรักษ์น้ำ
ทัศนคติต่อการทำ พฤติกรรมอนุรักษ์น้ำ
(ทางตรงและทางอ้อม)
การคล้อยตามกลุ่มอ้างอิง
(ทางตรงและทางอ้อม)
การรับรู้ความสามารถของตนเองในการอนุรักษ์น้ำ
ความตระหนักเกี่ยวกับปัญหาการขาดแคลนน้ำ
ความตระหนักเกี่ยวกับปัญหาความสกปรกของน้ำ
ค่าน้ำที่เสีย และสภาวะการเป็นผู้จ่ายค่าน้ำ
และการรับรู้การปฎิบัติตามกฏหมายว่าด้วยการรักษาความสะอาดของน้ำของคนในสังคม
และเก็บข้อมูลตัวแปรชีวสังคม
คือ เพศ อายุ และระดับการศึกษา
การวิเคราะห์ข้อมูลใช้ค่าสถิติเชิงพรรณา
คือ X
และ
SD
และสถิติในการทดสอบสมมติฐาน
คือ การวิเคราะห์ความแปรปรวน
การวิเคราะห์ ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร
การเปรียบเทียบด้วย t-test
การวิเคราะห์อิทธิพล
(Path
Analysis)
ผลการวิจัยมีดังนี้
1.
ครูมีพฤติกรรมประหยัดน้ำ
และไม่ทำให้เกิดมลพิษในน้ำปานกลาง
แต่มีพฤติกรรมขุดลอกท่อระบายน้ำต่ำ
2.
โมเดลที่อธิบายพฤติกรรมประหยัดน้ำประกอบด้วยตัวแปรที่สำคัญคือ
ความตั้งใจจะ ประหยัดน้ำ
ทัศนคติต่อการประหยัดน้ำวัดทางอ้อม
(ความเชื่อเกี่ยวกับผลการประหยัดน้ำ
และการประเมินผลของการกระทำ)
การรับรู้ความสามารถของตนเองในการประหยัดน้ำ
โดยพบว่าความ
ตั้งใจจะประหยัดน้ำส่งผลทางตรงต่อพฤติกรรม
โดยมีค่าสัมประสิทธิ์มาตรฐานเป็น
.338
ทัศนคติต่อการประหยัดน้ำ
(วัดทางอ้อม)
ส่งผลทางตรงต่อความตั้งใจ
โดยมีค่าสัมประสิทธิ์มาตรฐานเป็น
.465
และ
การรับรู้ความสามารถของตนเองในการประหยัดน้ำส่งผลทางตรงต่อความตั้งใจมีสัมประสิทธิ์มาตรฐานเป็น
.129
สัมประสิทธิ์มาตรฐานทุกตัวมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ
.05
3.
โมเดลที่อธิบายพฤติกรรมไม่ทำให้เกิดมลพิษในน้ำ
ประกอบด้วยตัวแปรที่สำคัญคือ
ความตั้งใจที่จะไม่ทำให้เกิดมลพิษในน้ำ
ทัศนคติต่อการทิ้งขยะลงในน้ำ
วัดทางอ้อม
(ความเชื่อเกี่ยวกับผลการทิ้งขยะลงในน้ำและการประเมินผลการกระทำ)
การคล้อยตามกลุ่มอ้างอิง
วัดทางตรง และสุดท้ายคือ
การรับรู้ความสามารถของตนเองในการไม่ทำให้เกิดมลพิษในน้ำ
โดยพบว่าความตั้งใจมีผลทางตรงต่อพฤติกรรม
มีค่าสัมประสิทธิ์มาตรฐานเป็น
.361
ความเชื่อเกี่ยวกับผลการทิ้งขยะลงในน้ำและการประเมินผลการกระทำมีผลทางตรงต่อความตั้งใจ
มีค่าสัมประสิทธิ์มาตรฐานเป็น
.17
การคล้อยตามกลุ่มอ้างอิงมีผลทางตรงต่อความตั้งใจ
และสัมประสิทธิ์มาตรฐานเป็น
.136
การรับรู้ความสามารถของตนเองในการไม่ทิ้งขยะลงในน้ำมีผลทางตรงต่อความตั้งใจ
ค่าสัมประสิทธิ์มาตรฐานเป็น
.41
สัมประสิทธิ์ที่กล่าวถึงข้างต้นทุกตัวมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ
.05
4.
โมเดลที่อธิบายพฤติกรรมขุดลอกท่อระบายน้ำประกอบด้วยตัวแปรที่สำคัญคือ
ความตั้งใจที่จะขุดลอกท่อระบายน้ำ
การคล้อยตามกลุ่มอ้างอิง
วัดทางตรง และการคล้อยตามกลุ่มอ้างอิงวัดทางอ้อม
(ความเชื่อเกี่ยวกับกลุ่มอ้างอิงและแรงจูงใจจะคล้อยตามกลุ่มอ้างอิง)
และการรับรู้ความสามารถของตนเองในการขุดลอกท่อระบายน้ำ
โดยพบว่าการคล้อยตามกลุ่มอ้างอิงและความตั้งใจ
มีผลทางตรงต่อพฤติกรรม
มีค่าสัมประสิทธิ์มาตรฐาน
.17
และ
.16
ตามลำดับ
และการคล้อยตามกลุ่มอ้างอิง
วัดทางอ้อม
การรับรู้ความสามารถของตนเองในการขุดลอกคูคลอง
มีผลทางตรงต่อความตั้งใจ
ค่าสัมประสิทธิ์มาตรฐานเป็น
.27
และ
.34
ตามลำดับ
สัมประสิทธิ์ที่กล่าวถึงข้างต้นทุกตัวมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ
.05
การเสริมสร้างพฤติกรรมประหยัดน้ำ
พฤติกรรมไม่ทำให้เกิดมลพิษในน้ำ
และพฤติกรรมขุดลอกท่อระบายน้ำ
เมื่อพิจารณาจากผลการวิจัยข้างต้นแล้วพบว่า
ตัวแปรสำคัญที่ควรส่งเสริม
คือความเชื่อเกี่ยวกับผลของการประหยัดน้ำ
ความเชื่อเกี่ยวกับผลของการทิ้งขยะลงในน้ำ
ความเชื่อว่ากลุ่มอ้างอิงต้องการให้มีพฤติกรรมไม่ทำให้เกิดมลพิษในน้ำ
ขุดลอกท่อระบายน้ำ
และควรส่งเสริมให้เกิดการรับรู้ความสามารถของตนเองในการประหยัดน้ำ
ไม่ทำให้เกิดมลพิษในน้ำ
และขุดลอกท่อระบายน้ำตามแนวทฤษฏีของแบนดูรา
โครงการวิจัยเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีการนำน้ำกลับมาใช้ใหม่
พิมพ์ ส่งเมล
โครงการวิจัยเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีการนำน้ำกลับมาใช้ใหม่
เมื่อวันที่
22
ธันวาคม
2551
ได้มีการลงนามบันทึกการประชุม
(Minute
of meeting) ระหว่างทีมนักวิจัยญี่ปุ่น
โดย Mr.
Kazuya Suzuki และทีมผู้วิจัยจากศูนย์วิจัยและฝึกอบรมด้านสิ่งแวดล้อม
กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม
โดยนางอรพินท์ วงศ์ชุมพิศ
อธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม
ในโครงการวิจัยร่วมเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีการนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ในภูมิภาคเขตร้อน
(Project
for Research and Development for Water Reuse Technology in Tropical
Regions) ณ
ห้องประชุมกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม
โดยโครงการวิจัยร่วมนี้
มีระยะเวลาดำเนินงาน 4
ปี
(2552-2556)
และมีแผนที่จะเริ่มโครงการในเดือนมีนาคม
2552
นี้
ซึ่งโครงการได้รับการสนับสนุนงบประมาณส่วนหนึ่งจาก
Japan
International Cooperation Agency (JICA) ภายใต้หัวข้อ
การวิจัยร่วมด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
สำหรับการสนับสนุนผู้เชี่ยวชาญญี่ปุ่น
ทุนฝึกอบรม และ
เครื่องมือวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์
และทุนสนับสนุนจาก Japan
Science and Technology Agency (JST)
ต่อสถานบันที่ทำการวิจัยในประเทศญี่ปุ่น
ทั้งนี้ ทีมวิจัยญี่ปุ่นประกอบด้วยศาสตราจารย์
จาก 4
สถาบันการศึกษา
ได้แก่ The
University of Tokyo Tohoku University Ritsumeikan University และ
Waseda
University ส่วนทีมวิจัยฝ่ายไทย
ประกอบด้วย
นักวิชาการจากศูนย์วิจัยและฝึกอบรมด้านสิ่งแวดล้อม
เป็นหน่วยงานหลัก
และทีมอาจารย์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
โดยมีนางอรพินท์ วงศ์ชุมพิศ
อธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม
เป็นประธานโครงการ นายบุญชอบ
สุทธมนัสวงษ์
ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและฝึกอบรมด้านสิ่งแวดล้อม
ทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการโครงการ
และนายมีศักดิ์ มิลินทวิสมัย
ผู้อำนวยการส่วนวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีด้านน้ำ
ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการโครงการ
นอกจากนี้
เพื่อให้แผนการดำเนินการเป็นไปตามเป้าประสงค์ที่วางแผนไว้
โครงการยังมีผู้แทนจากหลายหน่วยงานทำหน้าที่เป็น
คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
เพื่อประเมินและติดตามผลการดำเนินตลอดโครงการ
และที่สำคัญ นางมณทิพย์
ศรีรัตนา ทาบูกานอน
ผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และ ศาสตราจารย์จงรักษ์
ผลประเสริฐ จากสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย
ได้ให้เกียรติทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์โครงการ
ซึ่งเป้าหมายของโครงการต้องการที่จะพัฒนาเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพในการบำบัดน้ำเสีย
และสามารถนำน้ำกลับไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเหมาะสม
โดยมุ่งเน้นวิจัยเทคโนโลยีที่มีความสามารถในการลดพลังงาน
ลดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม
รวมทั้งวิธีการจัดการในการพิจารณาถึงความคุ้มค่าในการลงทุน
และการประเมินความปลอดภัยในการนำน้ำกลับมาใช้ใหม่
ต่อสุขอนามัยของประชาชน
และผลกระทบต่อระบบนิเวศ
สามารถแบ่งกลุ่มงานออกเป็น
4
ส่วนเพื่อให้โครงการวิจัยร่วมสามารถดำเนินงานไปได้อย่างมีประสิทธิผล
ดังนี้
1.การวิจัยด้าน
Institutional
framework for research, development and promotion of water reuse
technology 2.การวิจัย
ด้าน New
energy-saving decentralized water reclamation and reuse system
4.การวิจัยด้าน
New
water reuse technology with resource production
5.การวิจัยด้าน
Effective
management and monitoring system for community-based water reuse
บทที่
3
ขั้นตอนและวิธีการดำเนินงาน
การจัดทำโครงงานวิธีการประหยัดน้ำและประหยัดไฟ
คณะผู้จัดทำโครงงานมีวิธีการดำเนินงานโครงงานตามขั้นตอน
ดังนี้
3.1ขั้นตอนการดำเนินงาน
1.คิดหัวข้อโครงงานเพื่อนำเสนออาจารย์ที่ปรึกษา
2.ศึกษาค้นคว้ารวบรวมข้อมูล
ที่เกี่ยวข้องกับโครงงานวิธีประหยัดน้ำประหยัดไฟ
3.ศึกษาโปรแกรม
movie
maker ในการสร้าง
4.จัดทำโครงร่างโครงงานเสนออาจารย์ที่ปรึกษา
5.ออกแบบสื่อวิดีทัศน์
6.จัดทำโครงงานสร้าง
สื่อวีดีทัศน์ เรื่อง
วิธีการประหยัดน้ำประหยัดไฟ
7.เผยแพร่ผลงานโดยการนำเสนอผ่านเสนอสื่อวิีดีทัศน์๋
8.ทำเอกสารสรุปรายงานโครงงาน
3.1.1
ขั้นตอนการประหยัดน้ำประหยัดไฟ
1.ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าประหยัดไฟเบอร์
5
2.ปิดไฟทุกดวงเมื่อไม่ใช้งาน
3.ไม่ใช้น้ำอย่างสิ้นเปลือง
4.ปิดก็อกน้ำทุกครั้งหลังใช้งาน
5.นำน้ำที่ใช้แล้วไปรดน้ำต้นไม้
3.2
วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล
1.ศึกษา
เรื่อง วิธีการประหยัดน้ำประหยัดไฟ
2.ศึกษา
เรื่อง การทำงานของตัวโปรแกรมต่างๆ
ได้แก่
-โปรแกรม
movie
maker
3.3
วัสดุ
อุปกรณ์ เครื่องมือหรือโปรแกรมที่ใช้ในการพัฒนาโครงงาน
1.เครื่องคอมพิวเตอร์พร้อมเชื่อมต่อระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต
2.ซอฟต์แวร์
-
โปรแกรม
movie
maker
ตารางการปฏิบัติงาน
วัน/เดือน/ปี
|
กิจกรรม
|
ผู้รับผิดชอบ
|
เวลา(ชั่วโมง)
|
รวมกลุ่มสมาชิก
|
สมาชิกในกลุ่มทุกคน
|
2
|
|
ร่วมวางแผนการดำเนินกิจกรรม
|
สมาชิกในกลุ่มทุกคน
|
3
|
|
กำหนดขอบข่ายและวางแผนการดำเนินกิจกรรม
พัฒนา โรงเรียน/ชุมชน/ท้องถิ่น/ฯลฯ
|
สมาชิกในกลุ่มทุกคน
|
4
|
|
นำเสนอแผนการดำเนินกิจกรรมต่อคนที่ปรึกษา
|
สมาชิกในกลุ่มทุกคน
|
1
|
เขียนโครงการ
|
น.ส.กัญญาพัชร
|
3
|
|
แบ่งงานในความรับผิดชอบ
|
นาย
วิชิตวงค์
|
1
|
|
กิจกรรมที่1
วิธีประหยัดน้ำ
|
นาย
เทวรัตณ์
|
1
|
|
กิจกรรมที่2
วิธีประหยัดไฟ
|
นาย
อนิรุทธ์
|
1
|
|
กิจกรรมที่3
เบอร์5
น่าใช้
|
น.ส.
นันทนัช
|
1
|
|
กิจกรรมที่4
ประหยัดไฟลดโลกร้อน
|
น.ส.
กัญญาพัชร
|
1
|
|
สรุปผลการดำเนินการ
|
สมาชิกทุกคนในกลุ่ม
|
3
|
|
รวบรวมและส่งหลักฐานการทำกิจกรรม/โครงงาน/โครงงานต่อครูที่ปรึกษา
|
นายสุทธิพจน์
นายพงค์ศิริพัฒน์
|
5
|
|
จัดป้ายนิเทศแสดงผลงาน
|
สมาชิกทุกคนในกลุ่ม
|
3
|
งบประมาณ
(ระบุรายละเอียดค่าใช้จ่าย)
-
ค่าอุปกรณ์
200
บาท
สถานที่ดำเนินการ
-
โรงเรียนขลุงรัชดาภิเษก
ผลการดําเนินงาน
การจัดทําโครงงานคอมพิวเตอร์พัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา
เรื่อง การประหยัดนํ้าประหยัดไฟในโรงเรียน
เนื้อหาเกี่ยวกับการประหยัดนํ้าประหยัดไฟในโรงเรียน
มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการประหยัดนํ้าประหยัดไฟในโรงเรียน
มีผลการดําเนินงานโครงงาน ดังนี้
4.1 ผลการพัฒนาโครงงาน
การพัฒนาโครงงาน การประหยัดนํ้าประหยัดไฟในโรงเรียน คณะผู้จัดทําได้
ด าเนินงนตามขั้นตอนการดำเนินงานที่ได้วางแผนไว้ และได้นำเสนอเผยแพร่ ผลงานผ่านทางเครือข่าย ระบบอินเทอร์เน็ต www.youtube.com ที่สามารถเข้าถึงได้ทุกเวลาและทุกสถานที่เป็นแหล่งเรียนรู้ใน โลกออนไลน์และรวดเร็วในการรับข้อมูล
มีผลการดําเนินงานโครงงาน ดังนี้
4.1 ผลการพัฒนาโครงงาน
การพัฒนาโครงงาน การประหยัดนํ้าประหยัดไฟในโรงเรียน คณะผู้จัดทําได้
ด าเนินงนตามขั้นตอนการดำเนินงานที่ได้วางแผนไว้ และได้นำเสนอเผยแพร่ ผลงานผ่านทางเครือข่าย ระบบอินเทอร์เน็ต www.youtube.com ที่สามารถเข้าถึงได้ทุกเวลาและทุกสถานที่เป็นแหล่งเรียนรู้ใน โลกออนไลน์และรวดเร็วในการรับข้อมูล
บทที่5
สรุปผลการดำเนินงาน/ข้อเสนอแนะ
การจัดทำโครงงานคอมพิวเตอร์สื่อเพื่อการศึกษาการประหยัดนํ้าประหยัดไฟ
สามารถสรุปผลการดำเนินงาน
โครงงานและข้อเสนอแนะ ดังนี้
5.1 การดำเนินงานจัดทำโครงงาน
5.1.1 วัตถุประสงค์ของโครงงาน
1.เพื่อให้ความรู้แก่ผู้ที่สนใจเกี่ยวกับวิธีการประหยัดนํ้าประหยัดไฟในโรงเรียน
5.1.2 วัสดุอุปกรณ์ เครื่องมือหรือโปรแกรมที่ใช้ในการพัฒนาโครงงาน
1. เครื่องคอมพิวเตอร์พร้อมเชื่อมต่อระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
2. ซอฟต์แวร์
- โปรแกรม Final cut pro
- โปรแกรม Motion 5
- โปรแกรม Adobe sound booth cs5
5.2 สรุปผลการดำเนินงานโครงงาน
การดำเนินงานโครงงานนี้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ได้กำหนดไว้ คือ เพื่อเป็นสื่อให้ความรู้แก่ผู้ที่ สนใจเกี่ยวกับวิธีการประหยัดนํ้าประหยัดไฟในโรงเรียน สื่อเพื่อการศึกษาวิธีการประหยัดนํ้าประหยัดไฟในโรงเรียนเป็นสื่อวีดีทัศน์นำเสนอผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต www.youtupe.com ที่มีทั้งภาพและเสียงสร้างความสนใจช่วยพัฒนาให้ความรู้ของผู้ชม มีความเข้าใจเห็นความสำคัญของวิธีการประหยัดนํ้าประหยัดไฟในโรงเรียนที่จะช่วยประหยัดทรัพย์สินและทรัพยากรธรรมชาติ สื่อวีดีทัศน์
เพื่อการศึกษาวิธีการประหยัดนํ้าประหยัดไฟในโรงเรียน จึงเป็นสื่อที่มีประโยชน์
เป็นการนำซอฟต์แวร์มาพัฒนาประยุกต์ใช้ได้อย่างม ีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์
5.3 ข้อเสนอแนะ
1. ควรมีการจัดทำเนื้อหาของโครงงานให้หลากหลายและมีเนื้อหาที่ออกมาหลายๆรูปแบบ
โครงงานและข้อเสนอแนะ ดังนี้
5.1 การดำเนินงานจัดทำโครงงาน
5.1.1 วัตถุประสงค์ของโครงงาน
1.เพื่อให้ความรู้แก่ผู้ที่สนใจเกี่ยวกับวิธีการประหยัดนํ้าประหยัดไฟในโรงเรียน
5.1.2 วัสดุอุปกรณ์ เครื่องมือหรือโปรแกรมที่ใช้ในการพัฒนาโครงงาน
1. เครื่องคอมพิวเตอร์พร้อมเชื่อมต่อระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
2. ซอฟต์แวร์
- โปรแกรม Final cut pro
- โปรแกรม Motion 5
- โปรแกรม Adobe sound booth cs5
5.2 สรุปผลการดำเนินงานโครงงาน
การดำเนินงานโครงงานนี้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ได้กำหนดไว้ คือ เพื่อเป็นสื่อให้ความรู้แก่ผู้ที่ สนใจเกี่ยวกับวิธีการประหยัดนํ้าประหยัดไฟในโรงเรียน สื่อเพื่อการศึกษาวิธีการประหยัดนํ้าประหยัดไฟในโรงเรียนเป็นสื่อวีดีทัศน์นำเสนอผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต www.youtupe.com ที่มีทั้งภาพและเสียงสร้างความสนใจช่วยพัฒนาให้ความรู้ของผู้ชม มีความเข้าใจเห็นความสำคัญของวิธีการประหยัดนํ้าประหยัดไฟในโรงเรียนที่จะช่วยประหยัดทรัพย์สินและทรัพยากรธรรมชาติ สื่อวีดีทัศน์
เพื่อการศึกษาวิธีการประหยัดนํ้าประหยัดไฟในโรงเรียน จึงเป็นสื่อที่มีประโยชน์
เป็นการนำซอฟต์แวร์มาพัฒนาประยุกต์ใช้ได้อย่างม ีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์
5.3 ข้อเสนอแนะ
1. ควรมีการจัดทำเนื้อหาของโครงงานให้หลากหลายและมีเนื้อหาที่ออกมาหลายๆรูปแบบ
บรรณานุกรม
โลกสวยด้วย10
วิธีประหยัดน้ำอย่างสร้างสรรค์.สืบค้นเมื่อวันที่
19
สิงหาคม
2559
จากเว็บไซด์
:http://www.vcharkarn.com
ประหยัดพลังงาน
ช่วยชาติ ช่วยสิ่งแวดล้อม.สืบค้นเมื่อวันที่
19
สิงหาคม
2559
จากเว็บไซด์
:http://www.e-report.energy.go.th